วิธีการดูเเลหลอดเลือดในสมอง
ด้วยไลฟ์สไตล์ยุ่งเหยิงของคนเมืองในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าโรคหลอดเลือดสมองจะเขยิบเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีๆ โรคดังกล่าวสามารถทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต (แขนและขาอ่อนแรงครึ่งซีก) มีปัญหาทางด้านความคิด สูญเสียความจำ มีปัญหาทางด้านการพูด และอารมณ์แปรปรวน…น่ากลัวไหมล่ะ
การเกิดภาวะสมองขาดเลือด
ภาวะสมองขาดเลือดที่มีเนื้อสมองตาย มักเกิดจากการขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง โดยทั่วไปเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดแดงในสมองหรือหลอดเลือดแดงคาโรติด (Carotid) ซึ่งเป็นหลอดเลือดแดงบริเวณคอที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ภาวะสมองขาดเลือดมักเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke) หรือภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) ซึ่งเกิดจากการที่ผนังหลอดเลือดแตกทำให้มีเลือดคั่งในเนื้อสมอง ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมักมีอาการของภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวนำมาก่อน ลักษณะดังกล่าวมักเป็นเวลาสั้นๆ เกิดขึ้นเมื่อเลือดและออกซิเจนไหลเวียนลดลงชั่วคราว ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวหรือเรียกว่า ‘มินิ-สโตรก’ มีอาการเกิดขึ้นตั้งแต่ 2-3 นาทีถึงเป็นชั่วโมง เป็นสัญญาณเตือนบอกถึงความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองขาดเลือดเพิ่มขึ้นในอนาคต
ดูแลตัวเองอย่างไร ไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง?
1. รักษาความดันโลหิตให้ดีและสม่ำเสมอ คนทั่วไปควรต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท ใน ผู้ป่วยเบาหวานหรือไตวายเรื้อรัง ให้ต่ำกว่า 130/80 มม.ปรอท
2. งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ การหยุดสูบบุหรี่ 1 ปี สามารถลดอัตราความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองลงกว่าครึ่ง
3. หากเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ ระดับน้ำตาลหลังงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8 ชม. ควรต่ำกว่า 140 มก./เดซิลิตร และน้ำตาลสะสมควรต่ำกว่า ร้อยละ 7
4. หากมีภาวะไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมให้ระดับไขมันที่ไม่ดีให้ต่ำลงถึงเป้าหมาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละราย และระดับไขมันที่ดี ผู้ชายควรสูงกว่า 40 มก./เดซิลิตร และผู้หญิงควรสูงกว่า 50 มก./เดซิลิตร
5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัว
6. หากเป็นโรคหัวใจหรือลิ้นหัวใจผิดปกติ โดยเฉพาะในรายที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งอาจต้องใช้ยาป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ
7. ให้แพทย์ตรวจดูหลอดเลือดที่คอเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในรายที่ทราบว่าเริ่มมีการตีบแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือดสมอง
8. รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
2. งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ การหยุดสูบบุหรี่ 1 ปี สามารถลดอัตราความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองลงกว่าครึ่ง
3. หากเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ ระดับน้ำตาลหลังงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8 ชม. ควรต่ำกว่า 140 มก./เดซิลิตร และน้ำตาลสะสมควรต่ำกว่า ร้อยละ 7
4. หากมีภาวะไขมันในเลือดสูง ต้องควบคุมให้ระดับไขมันที่ไม่ดีให้ต่ำลงถึงเป้าหมาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละราย และระดับไขมันที่ดี ผู้ชายควรสูงกว่า 40 มก./เดซิลิตร และผู้หญิงควรสูงกว่า 50 มก./เดซิลิตร
5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัว
6. หากเป็นโรคหัวใจหรือลิ้นหัวใจผิดปกติ โดยเฉพาะในรายที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งอาจต้องใช้ยาป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ
7. ให้แพทย์ตรวจดูหลอดเลือดที่คอเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในรายที่ทราบว่าเริ่มมีการตีบแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดหลุดไปอุดหลอดเลือดสมอง
8. รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
โดยลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล หรือไตรกลีเซอไรด์สูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่แดง เนย ครีม เครื่องในสัตว์ น้ำมันจากสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำหวาน ขนมหวาน เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารรสหวานจัด รวมทั้งทุเรียน ลำไย มะม่วงสุก ลองกอง กล้วยสุก
ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น นมพร่องมันเนย
ผักผลไม้ที่ไม่มีรสหวานมาก อาทิ ส้ม ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล มะละกอสุก กินไข่ขาว เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน น้ำมันพืช รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ
อาหารประเภทธัญพืช ซึ่งช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก รวมทั้งจับกับน้ำดีและขับออกไปกับอุจจาระ ทำให้ร่างกายต้องนำคอเลสเตอรอลมาสร้างเป็นน้ำดีเพิ่มขึ้น ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจึงลดลง ทั้งยังป้องกันภาวะท้องผูกได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มเกินไป หรือผ่านกระบวนการปรุงด้วยเกลือ เช่น อาหารหมักดอง ตากแห้ง อาหารกระป๋อง ฯลฯ
ที่มา http://women.thaiza.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น